history-of-Gili-lankanfushi-maldives

ประวัติศาสตร์ จุดเริ่มต้นของ Gili Lankanfudhi Maldives ที่น่าสนใจ

30-07-2025

ประวัติศาสตร์ จุดเริ่มต้นของ Gili Lankanfudhi Maldives จนถึงปัจจุบันที่น่าสนใจ

 

บทนำสู่สภาวะแห่งจิตใจในแบบฉบับของ Gili

 

การเดินทางสู่ Gili Lankanfushi ไม่ใช่เป็นเพียงการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่คือการเปลี่ยนผ่านสู่สภาวะแห่งจิตใจที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ทันทีที่เรือเร็วเทียบท่าหลังจากแล่นฝ่าผืนน้ำสีเทอร์ควอยซ์เพียง 20 นาทีจากสนามบินมาเล สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือพิธีกรรมอันเรียบง่ายแต่ทรงพลัง พนักงานจะน้อมตัวลงอย่างสุภาพเพื่อขอรับรองเท้าของคุณไปเก็บไว้ในถุงผ้า พร้อมกับคำอธิบายอันเป็นหัวใจของที่นี่ว่า "No News, No Shoes" (ไร้ข่าวสาร ไร้รองเท้า) นี่คือการเชื้อเชิญให้คุณปลดเปลื้องพันธนาการจากโลกภายนอก และก้าวเข้าสู่ปรัชญาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง

ณ ที่แห่งนี้ Gili Lankanfushi ไม่ได้ถูกนิยามด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ แต่คือสภาวะแห่งการดำรงอยู่ ความหรูหราของที่นี่ไม่ได้วัดกันที่ความโอ่อ่าฟู่ฟ่า แต่คือความหรูหราที่เกิดจากการ "ลดทอน" สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป ทั้งรองเท้า ข่าวสาร ความเครียด และสิ่งรบกวนทั้งปวง เพื่อสร้างพื้นที่ว่างให้จิตใจและร่างกาย แนวคิดนี้สวนทางกับความหรูหราแบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นการเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ Gili กลับมองว่าในโลกที่สับสนวุ่นวาย ความหรูหราที่แท้จริงคือการมีอิสระจากการถูกกระตุ้นตลอดเวลา และการได้กลับมาเชื่อมต่อกับตัวเองและธรรมชาติรอบตัวอีกครั้ง รีสอร์ทแห่งนี้จึงเป็นผู้บุกเบิกและเป็นต้นแบบของคำว่า "Barefoot Luxury" หรือความหรูหราแบบเท้าเปล่าอย่างแท้จริง

ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือลากูนที่ได้ชื่อว่าใหญ่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของมัลดีฟส์ 1 ทอดยาวสุดสายตา มีเพียงวิลล่ากลางน้ำจำนวน 45 หลังที่ตั้งอยู่อย่างสง่างาม การจำกัดจำนวนวิลล่านี้คือความตั้งใจที่จะมอบความรู้สึกเป็นส่วนตัวและพื้นที่อันกว้างขวางให้กับแขกผู้มาเยือนทุกคน ให้พวกเขาสามารถดื่มด่ำกับความสงบได้อย่างเต็มที่ การก้าวเดินบนสะพานไม้ที่ทอดยาวเหนือผืนน้ำใสราวคริสตัลจึงไม่ใช่แค่การเดินไปยังที่พัก แต่คือการเดินเข้าสู่โลกที่เวลาเคลื่อนตัวช้าลง และธรรมชาติคือสิ่งเดียวที่สำคัญ

 

มรดกแห่งวิสัยทัศน์: จุดกำเนิดของสไตล์ Rustic-Chic

 

เรื่องราวของ Gili Lankanfushi เริ่มต้นขึ้นในปี 2001 ภายใต้ชื่อเดิมว่า Soneva Gili รีสอร์ทแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของคู่สามีภรรยา Sonu Shivdasani และ Eva Malmström Shivdasani ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Soneva ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บุกเบิกสไตล์การพักผ่อนแบบ "Robinson Crusoe" หรือการผจญภัยอย่างหรูหราในมัลดีฟส์ Soneva Gili ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญด้วยการเป็นรีสอร์ทแห่งแรกในมัลดีฟส์ที่สร้างขึ้นกลางน้ำทั้งหมด ซึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับวงการท่องเที่ยวระดับสูงของประเทศ

หัวใจสำคัญที่ Sonu และ Eva วางรากฐานไว้ตั้งแต่ต้นคือความมุ่งมั่นในการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่ยั่งยืนในการก่อสร้าง เรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนปรัชญานี้ได้ดีที่สุดคือการนำเสาโทรศัพท์เก่าที่ไม่ใช้แล้วมาเป็นเสาเข็มค้ำยันวิลล่ากลางน้ำ ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากโทรศัพท์บ้านสู่โทรศัพท์มือถือ เสาโทรศัพท์จำนวนมหาศาลกลายเป็นสิ่งไร้ค่า แต่สำหรับผู้มีวิสัยทัศน์อย่าง Sonu และ Eva มันคือรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับหนึ่งในรีสอร์ทที่ดีที่สุดของมัลดีฟส์ เรื่องเล่านี้ไม่ใช่แค่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย แต่คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าความยั่งยืนนั้นอยู่ใน DNA ของที่นี่มาตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ใช่กระแสที่เพิ่งตามในภายหลัง นอกจากนี้ Soneva Gili ยังเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมอื่นๆ ที่กลายเป็นมาตรฐานของรีสอร์ทหรูในเวลาต่อมา เช่น การมีห้องเก็บไวน์ใต้ดินแห่งแรกในมัลดีฟส์ 

ในปี 2012 รีสอร์ทได้เปลี่ยนมือเจ้าของและได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น Gili Lankanfushi โดยมี Hotel Properties Limited (HPL) เป็นผู้บริหาร โดยทั่วไปแล้ว การเปลี่ยนเจ้าของมักนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแบรนด์และแนวคิด แต่สำหรับ Gili Lankanfushi กลับแตกต่างออกไป เจ้าของใหม่ได้ทำการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญยิ่ง นั่นคือการสืบสานและรักษปรัชญาดั้งเดิมของ Soneva ไว้อย่างครบถ้วน การตัดสินใจนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าปรัชญา "Barefoot Luxury" และความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนนั้นไม่ใช่เป็นเพียงจุดยืนทางจริยธรรม แต่เป็น "สินทรัพย์ทางการค้า" ที่ทรงพลังและมีมูลค่าสูงสุดของรีสอร์ท เป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดแขกผู้มีรสนิยมและสร้างความภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างมหาศาล จนนักลงทุนที่ชาญฉลาดย่อมเล็งเห็นถึงความสำคัญในการปกป้องและสานต่อมรดกทางความคิดนี้ให้คงอยู่ต่อไป

 

ตำนานแห่งผู้รอดชีวิต: ความสัมพันธ์ระหว่าง ครูโซ และ มิสเตอร์ฟรายเดย์

 

จิตวิญญาณของ Gili Lankanfushi ได้รับแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้งจากวรรณกรรมคลาสสิกเรื่อง Robinson Crusoe ของ Daniel Defoe ประสบการณ์ทั้งหมดที่นี่ถูกร้อยเรียงขึ้นภายใต้แนวคิดของการ "ติดเกาะสวรรค์" ที่ซึ่งความสันโดษมาพร้อมกับความสะดวกสบายระดับห้าดาว 

วิลล่าประเภท Crusoe Residence ทั้ง 7 หลัง คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดของแนวคิดนี้ วิลล่าเหล่านี้ไม่ได้เชื่อมต่อกับสะพานหลักของรีสอร์ท แต่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางลากูน และสามารถเข้าถึงได้ด้วยเรือส่วนตัวเท่านั้น การแยกตัวออกมานี้มอบความเป็นส่วนตัวและความรู้สึกของการผจญภัยในระดับสูงสุด ทำให้แขกผู้เข้าพักได้สวมบทบาทเป็นนักเดินทางผู้ค้นพบเกาะสวรรค์ของตนเองอย่างแท้จริง 

อย่างไรก็ตาม การผจญภัยในแบบฉบับของ Gili ไม่ได้หมายถึงความยากลำบาก เพราะทุกย่างก้าวจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดย "Mr./Ms. Friday" บริการนี้ตั้งชื่อตามตัวละครเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ของโรบินสัน ครูโซ และเป็นมากกว่าบริการบัตเลอร์ทั่วไป พวกเขาคือ "ผู้ดูแลประสบการณ์ส่วนตัวของแขก" (private guest experience hosts) และ "เพื่อนร่วมทาง" (companions) ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การพักผ่อนของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นไร้ที่ติ บทบาทของ Mr. Friday ไม่ใช่แค่การจัดการเรื่องต่างๆ แต่คือการอำนวยความสะดวกให้แขกได้สวมบทบาทเป็นตัวเอกในเรื่องราวการผจญภัยของตนเอง พวกเขาจะเข้ามาดูแลจัดการรายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมด ตั้งแต่การจองร้านอาหาร การจัดกิจกรรม ไปจนถึงการเตรียมประสบการณ์สุดพิเศษต่างๆ เพื่อปลดปล่อยแขกจากภาระในการวางแผนและการตัดสินใจ ทำให้พวกเขาสามารถ "จดจ่ออยู่กับการใช้ชีวิตในห้วงขณะนั้น" ได้อย่างเต็มที่ บริการนี้จึงเปรียบเสมือนผู้กำกับเบื้องหลังที่คอยดูแลให้ "ภาพยนตร์" การพักผ่อนของแขกดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นแนวคิดการบริการที่ลึกซึ้งและสร้างความผูกพันทางอารมณ์ได้มากกว่าบริการบัตเลอร์ระดับหรูทั่วไป สถาบัน International Institute of Modern Butlers ถึงกับเคยยกย่องความเป็นเลิศของทีม Mr. Friday ที่นี่มาแล้ว 

 

เรื่องราวของการจินตนาการใหม่

 

ด้วยความยาวนาน รีสอร์ทได้ปิดทำการเพื่อบูรณะเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเต็ม ก่อนจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 1 ธันวาคม 2019 การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่แค่การซ่อมแซม แต่คือการ "จินตนาการใหม่" วิลล่าทั้ง 45 หลังได้รับการปรับปรุงทั้งหมด พร้อมกับการเปิดตัววิลล่าประเภทใหม่ๆ เช่น Family Villas with Pools และ Villa Suites with Pools เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น

สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือปรัชญาเบื้องหลังการฟื้นฟูครั้งนี้ แทนที่จะเลือกทางที่ง่ายและรวดเร็วด้วยการใช้วัสดุใหม่ Gili Lankanfushi กลับเลือกเส้นทางที่ท้าทายกว่า แต่มันคือการตอกย้ำจิตวิญญาณของแบรนด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รีสอร์ทได้ทำการจัดหาไม้ที่ผ่านการใช้งานแล้ว (upcycled wood) จากบ้านเก่าและสถานีรถไฟในประเทศอินโดนีเซียเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้าง การตกแต่งภายในก็เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน เช่น โคมไฟที่ทำจากลวดตาข่ายรีไซเคิลและตะกร้าดักกุ้งไม้ไผ่ หรือโครงเตียงที่ทำจากไม้สักรีไซเคิล การเลือกทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการรักษาเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว หลีกเลี่ยง "รอยต่อทางกาลเวลา" ระหว่างโครงสร้างเก่าและใหม่ได้อย่างแนบเนียน 10 นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัย โดยเฉพาะระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย ยังได้รับการยกระดับครั้งใหญ่ทั่วทั้งเกาะเพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับแขกผู้มาเยือน 

การตัดสินใจเลือกเส้นทางการฟื้นฟูที่ยั่งยืน แม้จะเป็นทางที่ซับซ้อนและอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า ได้แสดงให้โลกเห็นว่าคำมั่นสัญญาด้านความยั่งยืนของพวกเขาไม่ใช่เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาด แต่เป็นหลักการดำเนินงานที่ฝังรากลึกและไม่สามารถต่อรองได้ เหตุการณ์นี้ได้เปลี่ยนเรื่องราวของแบรนด์จาก "การสร้างอย่างยั่งยืน" ไปสู่เรื่องเล่าที่ทรงพลังยิ่งกว่า นั่นคือ "การกลับมาอย่างยั่งยืน" และกลายเป็นตำนานบทสำคัญที่ตอกย้ำความน่าเชื่อถือของ Gili Lankanfushi ในแบบที่ไม่มีแคมเปญใดจะทำได้

 

ความหรูหราอันชาญฉลาด: เจาะลึกปรัชญาความยั่งยืนของ Gili

 

ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ Gili Lankanfushi ไม่ใช่เป็นเพียงนโยบาย แต่เป็นวิถีชีวิตที่แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของการดำเนินงาน จนได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสูงสุดอย่าง EarthCheck Gold Certification ซึ่งมีรีสอร์ทเพียงไม่กี่แห่งในมัลดีฟส์ที่ทำได้ แนวทางของ Gili คือการเปลี่ยนความยั่งยืนจากเรื่องที่อยู่เบื้องหลังให้กลายเป็นประสบการณ์ที่แขกสามารถสัมผัส เรียนรู้ และมีส่วนร่วมได้โดยตรง

 

การดูแลระบบนิเวศทางทะเล: Gili Veshi และโครงการ Coral Lines

 

หัวใจของการอนุรักษ์ทางทะเลของที่นี่คือ Gili Veshi หรือศูนย์ชีววิทยาทางทะเล ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยมีทีมนักชีววิทยาทางทะเลประจำการเพื่อดูแลแนวปะการัง ให้ความรู้แก่แขกและพนักงาน รวมถึงทำการวิจัยที่สำคัญต่างๆ 

โครงการที่โดดเด่นที่สุดคือ Coral Lines Project ซึ่งริเริ่มขึ้นในปี 2014 เพื่อฟื้นฟูแนวปะการัง โครงการนี้ใช้เทคนิคที่ไม่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพสูง โดยการนำเศษปะการังชิ้นเล็กๆ มาผูกติดกับเชือกแล้วนำไปอนุบาลไว้ในลากูน  สิ่งที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างคือการมุ่งเน้นด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากกว่าผลกำไร และเป็นหนึ่งในโครงการไม่กี่แห่งที่ดำเนินการโดยรีสอร์ทซึ่งมีการแบ่งปันข้อมูลและผลการวิจัยทั้งหมด รวมถึงความท้าทายและข้อผิดพลาด ผ่านทางบล็อกสาธารณะ  แนวทางแบบ Open-Source นี้ทำให้ Gili กลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการฟื้นฟูประการังในระดับโลก แขกผู้เข้าพักยังสามารถมีส่วนร่วมโดยตรงด้วยการปลูกแนวปะการังของตนเองร่วมกับนักชีววิทยาทางทะเล 

นอกจากการฟื้นฟูปะการังแล้ว Gili ยังให้คำมั่นในการปกป้องทุ่งหญ้าทะเล ซึ่งเปรียบเสมือน "ปอดของมหาสมุทร" และยังร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์ชั้นนำอย่าง Manta Trust และ Olive Ridley Project เพื่อปกป้องปลากระเบนราหูและเต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ 

 

ระบบนิเวศแบบปิด: ความยั่งยืนในการดำเนินงาน

 

Gili Lankanfushi ได้สร้างระบบนิเวศแบบเกือบจะสมบูรณ์บนเกาะ โดยมี Eco-Centre เป็นศูนย์กลาง  ที่นี่มีเครื่องย่อยสลายเศษอาหาร (Rocket Composter) ที่สามารถจัดการเศษอาหารจากครัวได้ 100% แล้วเปลี่ยนให้เป็นปุ๋ยสำหรับสวนออร์แกนิก  มีเครื่องบดขวดแก้วเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมในงานก่อสร้าง และยังร่วมมือกับ Parley Maldives ในการรวบรวมและรีไซเคิลพลาสติกที่ลอยมาจากเกาะอื่นๆ 

ในด้านพลังงานและทรัพยากรน้ำ รีสอร์ทมีโรงผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล (Desalination Plant) ซึ่งผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดแก้วที่ใช้ซ้ำได้สำหรับแขกทุกคน ทำให้สามารถขจัดขวดน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งได้อย่างสิ้นเชิง การออกแบบวิลล่ายังคำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากลมทะเลตามธรรมชาติและมีชายคาที่ยื่นยาวเพื่อสร้างร่มเงา ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการใช้เครื่องปรับอากาศได้อย่างมาก  ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแนวคิดเรื่องความยั่งยืนให้กลายเป็นประสบการณ์ที่จับต้องได้ ทำให้แขกรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ ไม่ใช่แค่ผู้มาเยือน

 

จากสวนสู่จาน: ความยั่งยืนในแหล่งอาหาร

 

ปรัชญาความยั่งยืนของ Gili ขยายไปถึงห้องครัวด้วยเช่นกัน ที่นี่มีสวนออร์แกนิกที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศ ทั้งผัก ผลไม้ และสมุนไพรสดใหม่ที่ปลูกโดยใช้ปุ๋ยจาก Eco-Centre เป็นการปิดวงจรของอาหารได้อย่างสมบูรณ์ 

รีสอร์ทมีความภาคภูมิใจในการนำเสนอเมนู "Powered by Plants" ซึ่งเป็นเมนูอาหารจากพืชที่หลากหลายกว่า 100 รายการ พัฒนาโดยเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ของนักเดินทางยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม  นอกจากนี้ วัตถุดิบอาหารทะเลทั้งหมดยังมาจากชาวประมงท้องถิ่นที่ใช้วิธีการตกเบ็ดแบบ Pole-and-Line ซึ่งเป็นวิธีการที่ยั่งยืนและช่วยสนับสนุนชุมชนไปพร้อมกัน 

 

ประสบการณ์แห่ง Gili: การร้อยเรียงช่วงเวลาอันน่าจดจำ

 

ทุกประสบการณ์ที่ Gili Lankanfushi ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ไม่ใช่เพียงเพื่อความเพลิดเพลิน แต่เพื่อตอกย้ำปรัชญาหลักของแบรนด์ นั่นคือ "ความหรูหราที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ และยั่งยืน" รีสอร์ทเลือกที่จะนำเสนอกิจกรรมที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ และตัดกิจกรรมที่ไม่เข้ากันออกไป (เช่น เจ็ตสกี หรือสถานบันเทิงยามค่ำคืน) เพื่อสร้างโลกที่สมบูรณ์และดื่มด่ำได้อย่างไม่สะดุด

 

วิลล่ากลางน้ำ

 

วิลล่าทั้ง 45 หลังของ Gili Lankanfushi ล้วนตั้งอยู่กลางน้ำ สร้างจากวัสดุธรรมชาติ และออกแบบมาเพื่อการใช้ชีวิตแบบเปิดโล่ง ทุกหลังมีดาดฟ้าส่วนตัวสำหรับนอนดูดาว ระเบียงอาบแดดพร้อมตาข่ายคาตามารันที่ยื่นออกไปเหนือผืนน้ำ และห้องน้ำกึ่งเปิดโล่งที่ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ 

สำหรับประสบการณ์ขั้นสูงสุด ต้องยกให้ The Private Reserve ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นวิลล่ากลางน้ำแบบสแตนด์อโลนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่กว่า 1,700 ตารางเมตร ที่พักแห่งนี้เปรียบเสมือนอาณาจักรส่วนตัวกลางมหาสมุทร ประกอบด้วย 4 ห้องนอน โรงภาพยนตร์ส่วนตัว สปา ฟิตเนส สระว่ายน้ำไร้ขอบ และสไลเดอร์ที่ทอดตรงลงสู่ลากูน

 

การเดินทางของรสชาติ

 

ประสบการณ์ด้านอาหารที่ Gili คือการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น

Kashiveli: ห้องอาหารหลักที่ให้บรรยากาศสบายๆ แบบเท้าเปล่าบนผืนทราย มีตลาดอาหารตามธีมในแต่ละคืน เช่น ตลาดเครื่องเทศเมดิเตอร์เรเนียน หรือตลาดนัดเอเชีย 

By The Sea: ห้องอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นที่เป็นซิกเนเจอร์ เสิร์ฟซูชิและเทปันยากิชั้นเลิศ พร้อมชมวิวทะเลอันงดงาม 

สถานที่อันเป็นเอกลักษณ์: สิ่งที่ทำให้ Gili โดดเด่นคือประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็น Underground Wine Cellar ที่เก็บไวน์กว่า 500 ชนิดจากทั่วโลก พร้อมซอมเมอลิเยร์ที่คอยแนะนำ หรือ Jungle Cinema โรงภาพยนตร์กลางแจ้งใต้แสงดาว ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี

 

การเดินทางแห่งสุขภาพและการผจญภัย

 

Meera Spa: สปาแห่งนี้คือ "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซ้อนทับอยู่บนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกทีหนึ่ง" ตั้งอยู่กลางน้ำ มีพื้นกระจกให้มองเห็นชีวิตใต้ท้องทะเลขณะรับบริการ ทรีตเมนต์ของที่นี่ผสมผสานศาสตร์การบำบัดจากทั่วโลก เช่น อายุรเวทของอินเดีย และเรกิของญี่ปุ่น โดยใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกทั้งหมด

เชื่อมต่อกับมหาสมุทร: Gili คือสวรรค์ของนักผจญภัยทางน้ำ ที่นี่มีบริการสอนโต้คลื่นระดับโลกโดย Tropicsurf เนื่องจากมีแหล่งโต้คลื่นที่ดีที่สุดของมัลดีฟส์อยู่ไม่ไกล และมีศูนย์ดำน้ำ PADI ที่ได้รับการรับรอง ซึ่งสามารถพาคุณไปยังจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงอย่าง Manta Point ได้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำที่ไม่ใช้เครื่องยนต์อื่นๆ เช่น พายเรือคายัคและแพดเดิลบอร์ดให้ได้เพลิดเพลิน 

 

บทสรุป: เสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลายแห่งสรวงสวรรค์เท้าเปล่า

 

Gili Lankanfushi ไม่ใช่เป็นเพียงรีสอร์ท แต่เป็นปรากฏการณ์ เป็นบทพิสูจน์ว่าความหรูหราที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับความฟุ่มเฟือยเสมอไป จากวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งที่มองการณ์ไกล สู่ความทรหดอดทนที่แสดงให้เห็นผ่านการฟื้นคืนจากเถ้าถ่าน และความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความยั่งยืนที่กลายเป็นต้นแบบระดับโลก Gili ได้สร้างนิยามใหม่ของคำว่า "ความหรูหราอันชาญฉลาด" (Intelligent Luxury)

เสน่ห์ที่ยั่งยืนของที่นี่อยู่ที่ความสามารถในการตอบสนองความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เพียงแต่ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว และความงดงามทางกายภาพ แต่ยังเติมเต็มความปรารถนาที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า นั่นคือความต้องการความจริงแท้ การเชื่อมต่อ และการได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง

การมาเยือน Gili Lankanfushi จึงไม่ใช่การมาพักร้อน แต่คือการเดินทางกลับบ้าน กลับมาสู่สภาวะแห่งการดำรงอยู่ที่เรียบง่ายและลึกซึ้งกว่าเดิม มันคือการถอดรองเท้าและวางความกังวลไว้ที่ท่าเรือ เพื่อค้นพบตัวตนอีกด้านหนึ่งที่คุณอาจหลงลืมไปนานแล้ว

 

อ้างอิง

  1.  https://www.journeysintent.com/maldives/accommodation/gili-lankanfushi-maldives-0
  2.  https://gulfnews.com/travel/no-news-no-shoes-1.22029
  3.  https://www.journeysintent.com/maldives/accommodation/gili-lankanfushi-maldives
  4.  https://maldives.com.au/soneva-fushi
  5.  https://www.allthingsmaldives.com/post/gili-lankanfushi-maldives
  6.  https://www.elegantresorts.co.uk/luxury-properties/maldives/gili-lankanfushi
  7.  https://gili-lankanfushi.com/about-us/
GiliLankanfushi
GiliMoment
GiliStory
MrFriday
robinsoncrusoe
maldives
visitmaldives
barefootluxury
nonewsnoshoes
sustainnableluxury
ecoresort
เที่ยวอย่างยั่งยืน
historyofmaldives

More from MALDIVES101

review Adaaran Prestige Vadoo premium all inclusive
รีวิว Adaaran Prestige Vadoo
วันนี้ทีมงานมีข้อมูลอัพเดทสำหรับรีสอร์ท Adaaran Vadoo 5 Stars Premium All inclusive Speed Boat Resort (15mins) เป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่เหมะสำหรับคู่รัก ที่มีอายุเกิน 18 ปี มีความโรแมนติก และสวยงามของตัว villa มาฝากเพื่อนๆครับ
Read more
submarine-maldives-luxury-expeirence
DEEPFLIGHT ADVENTURES IN MALDIVES
ประสบการณ์สุด Exclusive ในประเทศมัลดีฟส์ที่มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ที่เดียวในโลก โดยประสบการณ์ Luxury นี้จะอยู่ที่รีสอร์ท Four Season Landaa Giraavaru แห่งนี้ โดยเรือดำน้ำนี้มีชื่อว่า DeepFlight Super Falcon 3S ซึ่งเป็นเรือดำน้ำที่มีความทันสมัยและใช้เทคโนโลยีที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตใต้น้ำเป็นอย่างมาก 
Read more
Type-of-meal-plan-maldives
Meal Plan แพคเกจอาหารของมัลดีฟ คือ ?
อธิบายรายละเอียดแพคเกจอาหารในมัลดีฟส์ว่า Meal Plan ของที่มัลดีฟส์ในทุกแบบที่มีด้วยภาพและเข้าใจอย่างละเอียด มารู้จักแพคเกจอาหาร Bed and Breakfast , Half Board , Full Board , All inclusive และ Premium All inclusive กัน
Read more